1.โรคใบจุดสนิม เป็นปัญหามาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวจะระบาดมาก
			สาเหตุ - เกิดจากเชื้อราชนิดหนึ่ง
			อาการ - เมื่อเริ่มระบาด ใบคล้าจะมีจุดเล็กๆสีเหลือง และขยายใหญ่ขึ้นตรงกลางแผลจะ
	เป็นสีน้ำตาล แผ่กระจายไปทั่ว
		2.โรครากเน่า พบมากในฤดูฝน โดยเฉพาะเหง้าหรือหัวที่นำมาปลูกใหม่
			สาเหตุ - เกิดจากดินปลูกแน่นสังเกตจาก เมื่อรดน้ำแล้วจะซึมผ่านช้า ดินแฉะ จนทำ
	ให้เกิดคราบตะไคร่น้ำเกาะอยู่ที่ผิวดินและบริเวณใกล้เคียง
		3.แมลงและศัตรูอื่น ที่พบมากได้แก่ เพลี้ยแป้ง ตั๊กแตน หนอนบุ้ง แมงมุม และไรแดง
			- เพลี้ยแป้ง ระบาดในฤดูหนาวถึงฤดูร้อน มีลักษณะคล้ายกลุ่มแป้งสีขาวปุย เกาะอยู่ตาม
	ใต้ใบหรือโคนก้านใบแล้วดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบ ทำให้ใบเป็นจุดด่างสีเหลืองและใบเล็กลง
			-ไรแดงหรือแมงมุมแดง รูปร่างกลม ขนาดเล็กมาก ตัวอ่อนสีขาวถึงเหลืองอ่อน มี 6 ขา 
	คล้ายกับแมลงทั่วไป แต่ไรแดงไม่มีหนวด บริเวณที่เกาะจะมีผงและเส้นใยสีขาว ที่พ่นออกมาหุ้มตัวเพื่อ
	ป้องกันศัตรูอื่นทำให้ใบพืชเป็นจุดด่างสีขาว ถ้าระบาดมากจะทำให้จุดด่างเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
			-แมงมุม มักระบาดในฤดูแล้ง โดยชักใยทำรังอยู่ใต้ใบ ทำให้ใบม้วนหงิกหงอ 
	และเจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่
			การป้องกันกำจัด
		1.หมั่นฉีดยาประเภทดูดซึม เช่น เลนเนท เบนเลท โดยนำมาผสมกับน้ำตามอัตราที่ระบุ  ฉีดพ่นตอน
	เช้าทุกสัปดาห์  สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เมื่อมีการแพร่ระบาดของเพลี้ยแป้ง  หนอนบุ้ง โรคใบจุดสนิม หรือโรค
	รากเน่า
		2.เมื่อมีการระบาดของแมงมุม ตั๊กแตนอย่างมาก ควรฉีดพ่นยาฆ่าแมลงทุกสัปดาห์  สัปดาห์ละ
	 1 ครั้ง
		3.เมื่อเริ่มมีการระบาดของแมงมุมแดงมาก ควรฉีดน้ำให้ชุ่มทั่วทั้งใต้ใบและบนใบ จะช่วยให้การ
	ระบาดลดลง
		4.หมั่นเปลี่ยนดินปลูกอยู่เสมอเมื่อมีคราบตะไคร่เกิดขึ้น
[ Home ]